
กลับมาอีกครั้งกับละครยอดฮิตขวัญใจประชาชนอย่าง บุพเพสันนิวาส ที่ครั้งนี้กลับมาในรูปแบบภาพยนตร์จอยักษ์ และยังคงได้นักแสดงคู่นางเอกเหมือนเดิมกลับมารับบทใน บุพเพสันนิวาส 2 นี้จะพาคุณข้าม ไปในยุครัตนโกสินทร์เรื่องราวจะสนุกมากน้อยเพียงใดไปติดตามรับชมได้ใน บุพเพสันนิวาสเต็มเรื่อง ได้ที่ ดูหนังฟรี
จากปรากฏการณ์ออเจ้าที่ครองใจทั่วแผ่นดินสยามมาแล้วสู่ตำนานรักบทไหม่แบบฉบับภาพยนตร์ที่ภาคนี้ ไม่ใช่ แม่การะเกด กับ พี่หมื่น เเต่เป็น แม่เกสร กับ คุณภพ ที่ กลับชาติมาเกิดไหม่ที่ ต่างโลก รัตนโกสินทร์วุ่นวายกันยิ่งกว่าเดิมเมื่อพวกเขาต้องช่วย เมธัส หนุ่มหน้าฝรั่งหลงยุคหาทางย้อนเวลากลับบ้านโลกอนาคต เเค่นี้ยังวุ่นวายไม่พอพวกเขายังต้องหยุด ลัทธิล่าอาณานิคมมิฉะนั้น ประวัติศาสตร์บ้านเมืองไทยอาจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เรามาเอาใจช่วย แม่เกสร คุณภพ และ เมธัส กันว่าจะหยุด
แผนการก่อกบฏของ นายหันแตร และ ทหารเอกที่ความจริงแล้วเป็นฝรั่งปลอมตัวมากันนะครับนี้เป็นเพียงแค่น้ำจิ้ม ทุกท่านสามารถรับชมกันได้อย่างจุใจที่นี้ และหากทุกท่านกำลังมองหา เว็บพนันออนไลน์ ที่ดี่สุดเราเเนะนำที่นี้เลยแจกหนักแตกจริง
เรื่องราวในภาคนี้มีบุคคลในประวัติศาสตร์ที่มีตัวตนจริง และอ้างอิงเหตุการในประวัติศาสตร์ ไทย ที่มีการกล่าวถึง หลวงอาวุธวิเศษไทยประเทศพานิช หรือ โรเบิร์ต ฮันเตอร์ หรือ ที่คนไทยร่วมสมัยเรียกว่า นายหันแตร เป็นพ่อค้าที่เข้ามาตั้งห้างในกรุงรัตนโกสินทร์ชื่อ โรงสินค้าอังกฤษ The British Factory ส่วนคนไทยในสมัยเรียกว่า ห้างหันแตร จัดได้ว่าเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งแรกในกรุงรัตนโกสินทร์ เขายังเป็นบุคคลที่นำตัว
อิน-จัน แฝดสามชาวไทยเดินไปแสดงตัวที่สหรัฐ ฮันเตอร์ เรียกได้ว่าเป็นชาวน้ำตกที่สามารถพูดภาษาไทยและเข้าใจคนไทยได้อย่างดี และมีความรู้จักกับขุนช้าง นายหันแตร มีพฤติกรรมแปลกๆอย่าง เช่น เคยเสนอขายพรมให้แก่ราชสำนัก โดยที่ไม่ได้สั่ง แต่ราชสำนักไม่ซื้อก็เกิดความไม่พอใจ หรือมักลักลอบค้าฝิ่นจากอังกฤษโดยซ่อนมากับสินค้าอย่างอื่น
ทั้งที่กฎหมายไทยในเวลานั้นประกาศห้ามสูบกัญชา เพื่อส่งเสริมศีลธรรม หลายครั้งเมื่อถูกตรวจพบ นายหันแตร ก็มักอ้างเพื่อให้เห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างชาติ หรือไม่ก็ขู่ว่าจะนำเรื่องไปฟ้องต่อทางการอังกฤษให้นำเรือรบมาปิดปากอ่าวไทย เป็นต้นต่อมา สหายชาวต่างชาติของ นายหันแตร คนหนึ่งได้ทดลองยิงปืนคาบศิลา ในบริเวณที่วัด พระสงฆ์ที่จำพรรษาอยู่ไม่พอใจ ได้เข้าไปห้ามแต่ก็ไม่ฟัง พระสงฆ์จึงทำร้ายสหายของนายหันแตรด้วยการตีที่หัวจนแตก ทางการไทยสอบสวน โดยมีองค์
ประธานคือ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในตอนนั้นดำรงพระอิสริยยศ เจ้าฟ้ามงกุฎ สมมติเทวาวงศ์พงษ์อิศรกษัตริย์ ผลการสอบสวนพบว่า พระสงฆ์ไทยผิด จึงให้ ให้ลงโทษด้วยการให้นั่งสมาธิกลางแดดครึ่งวัน ยังความไม่พอใจแก่ นายหันแตรเพราะต้องการให้ลงโทษถึงขั้นประหารชีวิต คุณหญิงทรัพย์ ความสัมพันธ์ระหว่างนายหันแตรกับทางการไทยขาดสะบั้นลง เมื่อทางไทยจะทำการรบกับโครชินไชน่า เวียดนาม นายหันแตรได้เสนอ
ขายปืนคาบศิลาจำนวน 200 กระบอก และต้องการให้ทางไทยซื้อให้หมด ทั้งที่ทางการไทยต้องการเพียง 100 กระบอกเท่านั้น และยังยัดเยียดขายเรือกลไฟที่ขึ้นสนิมอีกลำหนึ่ง ที่ชื่อ เอ็กเพรส โดยเรือลำนี้แล่นมาจากเมืองท่าลิเวอร์พูลพร้อมกัปตันชื่อ พี.บราวน์ แม้คนไทยในเวลานั้นจะฮือฮาเพราะไม่เคยเห็น “เหล็กลอยน้ำได้” อย่างเช่นเรือกลไฟมาก่อน แต่นายฮันเตอร์ได้เสนอขายในราคา 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทางไทยมองว่าเป็นการขายที่ไม่ชอบธรรม ประกอบกับพฤติกรรมของนายฮัน
เตอร์ในระยะหลังที่มักแสดงออกถึงการไม่แสดงความเคารพต่อไทยซึ่งเป็นเจ้าของประเทศ เช่น เมื่อขายเรือกลไฟไม่ได้ นายฮันเตอร์ได้ประกาศว่าจะนำไปขายให้โครชินไชน่าซึ่งเป็นคู่กรณีของไทยแทน จึงได้เนรเทศนายฮันเตอร์พร้อมกับภรรยาให้ออกนอกราชอาณาจักรและห้ามกลับเข้ามาอีกตลอดชีวิตไปในปี พ.ศ
. ฃ2387โดยได้เดินทางไปที่สิงคโปร์ด้วยเรือเอ็กเพรสนี่เอง รวมระยะเวลาที่นายฮันเตอร์อยู่ในเมืองไทยทั้งหมด 18 ปี แต่ก็ได้มีบันทึกโดยชาวตะวันตกด้วยกันเอง ที่บันทึกไว้ว่า นายฮันเตอร์ก็ยังได้กลับมาที่เมืองไทยมากกว่า 1 ครั้ง แต่เป็นการเข้ามาเพื่อสะสางสัมภาระของตนที่เหลืออยู่และจัดแจงธุระต่าง ๆ ก่อนที่จะจากไปโดยถาวรในที่สุด
มนต์กฤษณะกาลี เป็น มนต์ดำที่มีใว้สาปแช่งคนไม่ดีให้มีอันเป็นไป โดยในเวอร์ชั่นละคร ขุนหมื่น และบิดา ได้ใช้มนต์กฤษณะกาลีสาปแช้ง แม่หญิงการะเกด ให้ตกนรกหมกไหม้ และคัมภีร์เล่มนี้ก็โดนฝังไปในท้ายละครภาคเเรก และในภาคที่๒ของ บุพเพสันนิวาส ที่นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์แล้ว ได้ถูกขุดขึ้นมาอีกครั้ง โดยก่อนหน้านี้
คุณลอมแพง ผู้เขียนนิยายเรื่องนี้ ได้บอกเอาไว้ว่า มนต์กฤษณะกาลี เป็นเพียงมนต์ที่สมมุติขึ้นมาเพียงเท่านั้นไม่ได้มีอยู่จริง แต่อย่างไร แต่ว่าในฉบับ ภาพยนตร์ผทกลับได้ยิน สุนทรภู่ สวดว่า โอม มาหา การิ เกยะ นามะ คือฟังยังไงมันก็เป็นมนต์ของ พระแม่การี ชัดเจนมากนะครับ
ก็น่าจะอาจเป็นเพียงการตีความของหนังเพียงเท่านั้น ซึ่งจริงๆแล้วนะ พระแม่การี ก็เป็นเทวีห่งการล้างแค้นอยู่แล้วด้วย เทียบเท่ากับเทวี เนเมซิสของกรีก ก็คือเป็นเทพที่ ทำลสยคนชั่วช้าปราบสิ่งชั่วร้ายอยู่แล้ว แต่ยังไงก็ตาม มนค์นี้นะก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับ มนต์กฤษณะกาลีที่เป็นรูปหนึ่งของ พระกฤษณะ ที่จำเเรงกายมาเป็น พระแม่การี
สุนทรภู่ กวีเอกแห่ง รัตนโกสินทร์ งานประพันธ์วรรณคดีในยุคก่อนหน้าสุนทรภู่ คือยุคอยุธยาตอนปลาย ยังเป็นวรรณกรรมสำหรับชนชั้นสูง ได้แก่ราชสำนักและขุนนาง เป็นวรรณกรรมที่สร้างขึ้นเพื่อการอ่านและเพื่อความรู้หรือพิธีการ เช่น กาพย์มหาชาติ หรือ พระมาลัยคำหลวง ทว่างานของสุนทรภู่เป็นการปฏิวัติการสร้างวรรณกรรมแห่งยุครัตนโกสินทร์ คือเป็นวรรณกรรมสำหรับคนทั่วไป เป็นวรรณกรรมสำหรับการฟังและความบันเทิง เห็นได้จากงานเขียนนิราศเรื่องแรกคือ นิราศเมืองแกลง มีที่ระบุไว้ในตอนท้ายของนิราศว่า แต่งมาฝากแม่จัน รวมถึงใน นิราศพระบาท และ นิราศภูเขาทอง ซึ่งมีถ้อยคำสื่อสารกับผู้อ่านอย่างชัดเจน วรรณกรรมเหล่านี้ไม่ใช่วรรณกรรมสำหรับการศึกษา และไม่ใช่สำหรับพิธีการ
สำหรับวรรณกรรมที่สร้างขึ้นโดยหน้าที่ตามที่ได้รับพระบรมราชโองการ มีปรากฏถึงปัจจุบันได้แก่ เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอน กำเนิดพลายงาม ในสมัยรัชกาลที่ 2 และ เสภาพระราชพงศาวดาร ในสมัยรัชกาลที่ 4 ส่วนที่แต่งขึ้นเพื่อถวายแด่องค์อุปถัมภ์ ได้แก่ สิงหไตรภพ เพลงยาวถวายโอวาท สวัสดิรักษา บทเห่กล่อมพระบรรทม และ บทละครเรื่อง อภัยนุราช
งานประพันธ์ของสุนทรภู่เกือบทั้งหมดเป็นกลอนสุภาพ ยกเว้น พระไชยสุริยา ที่ประพันธ์เป็นกาพย์ และ นิราศสุพรรณ ที่ประพันธ์เป็นโคลง ผลงานส่วนใหญ่ของสุนทรภู่เกิดขึ้นในขณะตกยาก คือเมื่อออกบวชเป็นภิกษุและเดินทางจาริกไปทั่วประเทศ สุนทรภู่น่าจะได้บันทึกการเดินทางของตนเอาไว้เป็นนิราศต่าง ๆ จำนวนมาก แต่หลงเหลือปรากฏมาถึงปัจจุบันเพียง 9 เรื่องเท่านั้น เพราะงานเขียนส่วนใหญ่ของสุนทรภู่ถูกปลวกทำลายไปเสียเกือบหมดเมื่อครั้งจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม
ปืนคาบศิลา หรือปืน มาเก็ต ที่แปลว่าตลอด เป็นปืน ที่ใช้ ดินปืนขี้ข้างคาว ดินเหนี้ยวแรงดันต่ำ ตำกรอกทางปากปืน จากนั้นรอง หมอน นุ่น หรือฟองน้ำ แล้วใส่หัวกระสุนทรงกลม ปิดด้วยหมอนทองอีกชั้น ปืนชนิดนี้เมื่อบรรจุกระสุนไว้ต้องถือตั้งตรงตลอด ไม่งั้นกระสุนอาจไหลออกจากเม้าลำกล้อง เวลาจะยิงต้องใช้ หิน”คาบศิลา หินไฟ ตอกกระทบเหล็ก หรือกระทบกันเอง มักทำเป็น คอนกเขาติดหินไฟ ผงกด้วยสปริง เพื่อจุดดินขับในถ้วยที่โคนปืน ให้ไฟแล่บติดดิน วิ่งเข้าไปทางรูที่ท้ายลำกล้อง แล้วจึงเกิดการลุกไหม้ในดินปืน ระเบิด
กระสุนออกไป ปืนชนิดนี้เป็นต้นแบบของปืนไรเฟิลจู่โจมหรือk2 ในPBปัจจุบันด้วย ไม่มีผู้ทราบว่าใครไทยประดิษฐ์ขึ้น แต่ว่าในเอกสารทางการทหารจีนได้มีการกล่าวถึง อาวุธชนิดหนึ่งเรียกว่า หมั่งสีโส ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 14 ในแรกเริ่มปืนคาบศิลาได้มีการออกแบบให้ใช้กับทหารราบเท่านั้น และได้มีการปรับปรุงรสชาติขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรม เช่นหมี่เกี๊ยวในลำกล้อง การมีกล้องเล็ง มีกระสุนปลายแหลมซี่งแต่เดิมนั้นเป็นลูกกลมๆ และในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ก็มีการประดิษฐ์ปืนชนิดที่บรรจุกระสุนทางท้ายรังเพลิงปืนซึ่งแต่เดิม นั้นบรรจุกระสุนทางปากลำกล้องเข้ามาแทนที่