
Tokyo Tower: Mom and Me, Sometimes Dad คือชื่อเต็มของภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวความผูกพันระหว่าง มาซายะ หรือ “ม่าคุง” กับแม่ของเขาและบางช่วงเวลาที่มีพ่อเข้ามาเกี่ยวข้อง แม่และพ่อมีเรื่องขัดแย้งกัน ต่อมาแม่ได้พาม่าคุงเดินทางมาอยู่กับคุณยายที่ชนบท
ม่าคุงได้ใช้ชีวิตร่วมกับพ่อบ้างเป็นบางครั้งในช่วงปิดเทอม เขาสงสัยเสมอว่า ทำไมพ่อกับแม่ถึงไม่ได้อยู่ด้วยกัน ม่าคุงมีควาฝันอยากเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในโตเกียว และใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไม่มีแก่นสาร เมื่อแม่ส่งเงินที่มาจากการทำงานหนัก ม่าคุงก็ผลาญเงินที่แม่หามาได้
แถมยังไปกู้หนี้นอกระบบเสียอีก จนกระทั่งในวันที่ม่าคุงรู้ว่าแม่เขาเป็นมะเร็ง ม่าคุงจึงเปลี่ยนตัวเองทำงานทุกอย่างโดยไม่เลือกงาน เพื่อจะได้ดูแลแม่ของเขาจวบจนวาระสุดท้าย นี่คืองานหนังชีวิตล้วน ๆ ที่เล่าเรื่องของแม่กับลูก ภายใต้การกำกับภาพยนตร์จาก โจจิ มัตซึโอกะ
เลือกที่จะเล่าหนังแบบค่อยเป็นค่อยไป มีหลายช่วงของบทที่เอื้อให้เรียกน้ำตาได้ แต่มัตซึโอกะก็เลือกที่จะเล่าเรื่องแบบซึมลึก อันเป็นสไตล์ที่แตกต่างกับคนทำหนังเกาหลีที่เน้นอารมณ์ฟูมฟาย บิวต์กันเต็มที อารมณ์ของหนังจึงออกมาแบบซาบซึ้งน้ำตาซึม
ซึ่งน่าจะเหมาะกันดีกับเนื้อเรื่องที่เล่าเรื่องราวชีวิตอันไม่โลดโผนของม่าคุงและแม่ กีริน กิกิ นักแสดงหญิงที่รับบทแม่ของม่าคุงในวัยผู้ใหญ่จนชรา สามารถถ่ายทอดภาพหญิงผู้เกิดมาพร้อมกับตระหนักในหน้าที่ของความเป็นแม่
ทำงานหนักเพื่อเลี้ยงลูก ความสุขของแม่คือการเห็นลูกมีอนาคตที่ดี อดทนทุกอย่างแม้ยามเจ็บป่วยเพื่อลูกรัก กิกิให้การแสดงที่เป็นธรรมชาติ เธอทำให้ผมอดนึกถึงแม่ของตัวเองไม่ได้ และพลอยสะเทือนใจตามม่าคุงไปด้วยในวาระสุดท้ายของแม่ คาโอรุ โคบายาชิ รับบทเป็นพ่อ
ผู้มีชีวิตศิลปิน หาความแน่นอนทางอารมณ์ไม่ได้ จนในช่วงสุดท้ายของชีวิตแม่ พ่อทำหน้าที่สามีและพ่อได้อย่างดีที่สุดเมื่อเทียบกับทั้งชีวิตเขาแทบไม่ได้ตระหนักในความเป็นพ่อและสามีเลย โคบายาชิก็เป็นอีกคนที่ถ่ายทอดบทพ่อผู้เป็นศิลปินได้อย่างดี โจ โอดากิริ รับบทเป็นม่าคุง ชายหนุ่มศิลปินที่เดินตามรอยพ่อ แต่เพราะมีแม่ที่เลี้ยงดูมาทำให้เขาไม่ได้มีชีวิตเรื่อยเปื่อยแบบพ่อ และเรียนรู้ที่จะทำทุกอย่างเพื่อดูแลแม่จนวาระสุดท้าย แม้จะให้การแสดงที่เป็นธรรมชาติ
เพียงแต่ยังมีหลายช่วงเวลาที่โอดากิริเล่นไม่ถึงแต่โอดากิริก็ประคับประคองตัวเองไปได้ตลอดทั้งเรื่อง หนังถ่ายทอดภาพการเดินทางกลับบ้านชนบทของแม่ที่จูงมือม่าคุงวัยเยาว์เดินไปตามรางรถไฟ และถ่ายทอดภาพม่าคุงในวัยหนุ่มเดินจูงมือแม่ข้ามถนนในโตเกียว
อันเป็นการสะท้อนให้เห็นการเดินทางของม่าคุงที่ไปใช้ชีวิตอยู่กับบ้านเกิดของแม่ในชนบท และตรงกันข้ามกับแม่เดินทางเข้ามาใช้ชีวิตกับม่าคุงในเมืองหลวง เป็นสัญลักษณ์ที่บอกเล่าถึง โลกของแต่ละฝ่ายที่อีกฝ่ายเลือกจะเข้าไปอยู่ แม้จะไม่ใช่ชีวิตที่คุ้นเคยแต่การมีบุคคลที่เป็นเสาหลักทางจิตใจอยู่ร่วมด้วยก็สามารถทำให้เรื่องเหล่านี้กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยของชีวิตไป ม่าคุงเป็นตัวอย่างที่ดีในฐานะลูก เขาเคยทำสิ่งผิดพลาดในชีวิต เช่น ไม่ตั้งใจเรียน ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไร้แก่นสาร แต่ม่าคุงก็สามารถเปลี่ยนตัวเองได้เมื่อเขารับรู้ว่า
แม่ผู้ให้กำเนิดล้มป่วยด้วยโรคร้ายแรง ม่าคุงพยายามทำทุกอย่างเพื่อดูแลแม่ของเขาให้ดีที่สุด ดังคำที่ว่า “เมื่อพ่อแม่แก่ชราก็อยากฝากผีฝากไข้ไว้กับลูก” ม่าคุงเลือกที่จะดูแลแม่ของเขาจนวาระสุดท้ายของแม่ และในมุมของลูก เขาคอยตำหนิตนเองเสมอว่า เขาดูแลแม่ไม่ดีเลย
แต่ในมุมของแม่ สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ม่าคุงทำให้กับแม่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่ลูกคนหนึ่งพึงจะดูแลแม่แล้ว ดูแล้วทำให้ภาพความทรงจำเก่า ๆ ระหว่างผมกับแม่หวลกลับมาอีกครั้ง เพราะในวันนี้ผมกับม่าคุงก็ไม่ต่างกัน คือ เราไม่สามารถดูแลแม่ได้อีกต่อไป
แม่ที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งชีวิตได้พักผ่อนอย่างสงบแล้ว สำหรับคนที่ยังมีพ่อแม่ให้คอยดูแล ยังไม่สายที่คุณจะดูแลท่าน มอบความรักความเอาใจใส่ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราทำให้อาจจะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่และมีความหมายสำหรับท่าน พาไปเที่ยว พาไปกินอาหารนอกบ้าน
ไม่พูดประโยคทำร้ายใจโดยเฉพาะคำว่า “น่ารำคาญ” (ได้รับการจัดอันดับเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจแม่ที่สุด) ดูแลเสียตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่าจะไม่มีพ่อแม่ให้ดูแล เพื่อที่ในวันที่ท่านจากไปคุณจะได้ไม่ต้องสำนึกเสียใจที่ไม่ได้ทำหน้าที่ลูก ด้วยความระลึกถึง…แม่ผู้เป็นที่เคารพรักเสมอ หมายเหตุ มีหนังญี่ปุ่นอีกเรื่องชื่อเดียวกัน Tokyo Tower เหมือนกัน
แต่เนื้อหาต่างกัน หากท่านจะหามาชมระวังจะเลือกผิดนะครับ ผมเห็นยังพอมีวางขายในกระบะดีวีดีลดราคา ลิขสิทธิ์เป็นของ EVS (ไม่ได้ค่าโฆษณาหรอกครับ) หน้าปกจะเป็นแบบที่ลงให้ดู นี่คือหนังดี ๆ เกี่ยวกับครอบครัวส่งเสริมคุณธรรม และความกตัญญู ที่อยากให้ได้ชมกันครับ ด้วยความระลึกถึง…แม่ผู้เป็นที่เคารพรักเสมอ